หน้าเว็บ

สภานักเรียน โรงเรียนดงหลวงวิทยา

ยินดีต้อนรับ

วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2559

☀ ข้าวโพด

ต้นข้าวโพด
         จัดเป็นไม้ล้มลุกจำพวกหญ้า มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ ในปัจจุบันมีการปลูกทั่วไปในเขตร้อนและในเขตอบอุ่นทั่วโลก ในเขตเเดนอีสานเป็นเขตร้อน ทำให้ปลูก ข้าวโพดได้ ลำต้นนั้นมีลักษณะอวบกลมและตั้งตรงแข็งแรง มีความสูงของต้นประมาณ 1-4 เมตร ผิวต้นเรียบ เนื้อภายในคล้ายกับฟองน้ำ ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด 
ผลข้าวโพด สามารถทำเป็นผลิตถัณฑ์ต่างๆได้ตามความต้องการ


สรรพคุณของข้าวโพด

  1. เมล็ดมีรสหวานมัน มีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย 
  2. หากความจำเสื่อมหรือลืมง่าย ให้ใช้ยอดเกสรเพศเมียแห้ง เอามาใส่ในกล้องยาสูบแล้วใช้จุดสูบ 
  3. เมล็ดมีสรรพคุณช่วยบำรุงปอดและหัวใจ 
  4. ยอดเกสรเพศเมียและฝอยข้าวโพด ใช้เป็นยาแก้เบาหวาน ด้วยการใช้ยอกเกสรเพศเมียที่ตากแห้งแล้วประมาณ 30 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน 
  5. ยอดเกสรเพศเมียหรือไหมข้าวโพด และฝอยข้าวโพด มีสรรพคุณช่วยแก้โรคความดันโลหิตสูง ตามตำรับยาจะใช้ยอดเกสรเพศเมียที่แห้งแล้ว เปลือกกล้วยแห้ง และเปลือกแตงโมแห้ง อย่างละเท่ากัน นำมาต้มกับน้ำกิน 
  6. ต้นและเมล็ดมีสรรพคุณช่วยทำให้เจริญอาหาร 
  7. เกสรเพศเมียมีรสหวาน เป็นยาสุขุม ออกฤทธิ์ต่อกระเพาะลำไส้และทางเดินปัสสาวะ มีสรรพคุณขับความร้อนชื้น แก้อาการกระหายน้ำ 
  8. ช่วยแก้ไข้ทับระดู 
  9. ช่วยแก้โลหิตกำเดา 
  10. หากตรากตรำทำงานหนัก มีอาการไอเป็นเลือดหรือตกเลือด ให้ใช้ยอดเกสรเพศเมีย นำมาต้มกับเนื้อสัตว์รับประทาน 
  11. ช่วยแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน รากและเมล็ด ช่วยแก้อาการเจียน รากและเกสรเพศเมีย มีสรรพคุณช่วยแก้อาเจียนเป็นโลหิต ด้วยการใช้รากข้าวโพดแห้งประมาณ 60-120 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน 
  12. ช่วยแก้โพรงจมูกอักเสบ จมูกอักเสบเรื้อรัง
  13. สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบ โดยมีอาการเจ็บแปลบที่หน้าอกเพียงจุดใดจุดหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นซีกซ้ายหรือขวาก็ได้ และจะเจ็บเพียงชั่วขณะที่หายใจเข้าลึก ๆ ที่ปลอดขยายตัวเต็มที่ เลยทำให้ส่วนที่อักเสบเกิดการเสียดสีกัน ถ้าเป็นเยื่อหุ้มปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสชนิดที่ไม่รุนแรง ก็จะไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ แต่สำหรับอาการที่เห็นทั่วไปจะมีเหงื่อเย็น ๆ ออกจนเปียกข้างลำตัว ให้ใช้เกสรเพศเมีย 1 กิโลกรัม นำมานึ่งแล้วใช้พอกบริเวณปอด จะช่วยทำให้มีอาการดีขึ้น หรือจะนำมาต้มกับน้ำดื่มก็ได้ผลเช่นกัน 
  14. ช่วยแก้เต้านมเป็นฝี 
  15. ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร 
  16. ช่วยรักษาอาการอาหารไม่ย่อย ด้วยการใช้ข้าวโพด 500 กรัม และเปลือกทับทิม 120 กรัม นำมาผิงไฟให้แห้ง แล้วบดให้เป็นผง นำมาผสมกับน้ำให้ได้ประมาณ 1,500 มิลลิลิตร แล้วใช้รับประทาน 10 มิลลิลิตร ต่ออายุ 1 ปี จะช่วยรักษาอาการพิษได้ และในช่วงการรักษาให้ระวังคอยดูแลระดับน้ำและอุณหภูมิของร่างกายให้เกิดการผิดปกติด้วย 
  17. สำหรับผู้ที่ได้รับการผ่าตัดโรคมะเร็งที่กระเพาะอาหาร ให้ใช้เมล็ดข้าวโพดนำมาต้มใส่เกลือเล็กน้อยและไข่ขาว แล้วนำมารับประทานเป็นอาหารเสริม 
  18. ซังข้าวโพดมีรสจืดชุ่ม ใช้ซังแห้งประมาณ 10-12 กรัม นำมาต้มกับน้ำดื่ม หรือนำมาเผาเป็นถ่านผสมกับน้ำกินเป็นยาแก้บิด แก้อาการท้องร่วง 
  19. ราก เกสรเพศเมีย ซัง และเมล็ดมีสรรพคุณเป็นยาขับปัสสาวะ ตามตำรับยาจะใช้รากแห้งประมาณ 60-120 กรัม นำมาต้มกับน้ำดื่ม หรือจะใช้ยอดเกสรเพศเมียหรือซังข้าวโพดเอามาต้มกับน้ำกินแทนน้ำชาก็ได้ ใช้เกสรเพศเมียประมาณ 10-20 กรัม นำมาต้มกับน้ำดื่มทุกวันเป็นยาแก้โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรังหรือเฉียบพลัน ช่วยแก้โรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ รวมถึงนิ่วในอวัยวะอื่น ๆ ด้วย ช่วยขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะกะปริบกะปรอย แก้นิ่วในทางเดินปัสสาวะ  ช่วยแก้ปัสสาวะขัด ราก ต้นและใบมีรสออกหวาน ใช้เป็นยาแก้นิ่ว ขับนิ่ว ตามตำรับยาให้ใช้ต้นและใบสดหรือแห้งจำนวนพอสมควร นำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้นิ่ว ขับนิ่ว ถ้าเป็นรากให้ใช้รากแห้งประมาณ 60-120 กรัม นำมาต้มกับดื่ม 
  20. เกสรเพศเมีย หรือไหมข้าวโพด มีรสออกหวาน มีสรรพคุณช่วยขับนิ่วในถุงน้ำดี กระตุ้นให้น้ำดีขับเคลื่อน แก้ถุงน้ำดีอักเสบ มะเร็งในถุงน้ำดี และช่วยบำรุงน้ำดี
  21. เกสรเพศเมียมีสรรพคุณช่วยบำรุงตับ แก้ตับอักเสบ ตับอักเสบเป็นดีซ่าน แก้ดีซ่าน แก้ไตอักเสบ ซึ่งตามตำรับยาแก้ไตอักเสบจะใช้เกสรเพศเมีย 30 กรัม, หญ้าหนวดแมว 20 กรัม, หญ้าคา 20 กรัม, ข้าวเย็นเหนือ 25 กรัม, ข้าวเย็นใต้ 25 กรัม, และโกฐน้ำเต้า 5 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรือหากไตอักเสบหรือเริ่มเป็นนิ่วที่ไต ให้ใช้ยอดเกสรเพศเมียพอประมาณ นำมาต้มจนข้นแล้วนำมากิน หรือหากเป็นโรคไตอักเสบเรื้อรัง ให้ใช้ยอดเกสรเพศเมียแห้ง 50 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน โดยจะมีฤทธิ์ช่วยขับปัสสาวะ ทำให้ไตทำงานได้ดีขึ้นจากอาการบวมน้ำและปริมาณของอัลบูมินในปัสสาวะนั้นลดลง โดยคนไข้ที่กินติดต่อกันนาน 6 เดือน ยังไม่พบอาการเป็นพิษแต่อย่างใด ส่วนอีกตำรับยาที่ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับไต ให้ใช้ยอดเกสรเพเมียแห้ง 60 กรัม นำมาต้มกับกินวันละ 2 ครั้ง แล้วให้กินโพแทสเซียมคลอไรด์ร่วมด้วย โดยทั่วไปเมื่อกินยานี้ไปแล้ว 3 วัน ปัสสาวะจะมากขึ้น ปริมาณของอัลบูมินและสารจำพวกไนโตรเจนที่ไม่ใช่โปรตีนในปัสสาวะนั้นจะลดลง และคนไข้บางรายจะมีปริมาณของอัลบูมินในโลหิตสูง ส่วนบางรายความดันโลหิตจะลดลงจนสู่ระดับปกติ  ช่วยรักษาไต 
  22. ใช้ซังแห้งประมาณ 10-12 กรัม นำมาต้มกับน้ำดื่ม หรือนำมาเผาเป็นถ่านผสมกับน้ำกินเป็นยาบำรุงม้าม 
  23. ช่วยแก้อาการบวมน้ำ ด้วยการใช้ซังแห้งประมาณ 10-12 กรัม นำมาต้มกับน้ำดื่ม หรือนำมาเผาให้เป็นถ่านแล้วผสมกับน้ำกิน หรือจะใช้ซังข้าวโพดแห้ง 60 กรัม ผสมกับฮวงเฮียงก้วย 30 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน ส่วนเกสรเพศเมียมีสรรพคุณช่วยแก้อาการบวมน้ำ ขาบวม ซึ่งตามตำรับยาจะใช้เกสรเพศเมีย 30 กรัม, หญ้าหนวดแมว 20 กรัม, หญ้าคา 20 กรัม, ข้าวเย็นเหนือ 25 กรัม, ข้าวเย็นใต้ 25 กรัม, และโกฐน้ำเต้า 5 กรัม นำมาต้มกับน้ำรับประทาน ส่วนอีกตำรับจะใช้เกสรเพศเมีย 50 กรัม ผสมกับเมล็ด
    เทียนเกล็ดหอย 15 กรัม นำมาต้มกับน้ำดื่มวันละ 3 ครั้ง 
  24. เมล็ดนำมาบดพอกแผลเพื่อทำให้เยื่ออ่อนนุ่มไม่ให้เกิดการระคายเคือง
  25. หากเกิดบาดแผล ให้ใช้เกสรเพศเมียสด ๆ นำมาตำให้ละเอียดแล้วใช้เป็นยาพอกแผล จะช่วยทำให้อาการดีขึ้น
  26. สำหรับเด็กที่เป็นแผลที่ผิวหนัง และมีเลือดออก ให้ใช้ซังข้าวโพดนำมาเผาให้เป็นเถ้า แล้วนำมาผสมกับน้ำมันเมล็ดป่านหรือน้ำมันพืช ใช้เป็นยาทา